ไทโอยูเรีย สารกระตุ้นการแตกใบอ่อน สารเร่งดอกลำไย สารเร่งดอกมะม่วง สารเร่งดอกทุเรียน สารเร่งดอกลิ้นจี่ เงาะลองกองพืชอื่นๆ
ไทโอยูเรีย สารเร่งการแตกใบอ่อนมะม่วง ลำไย สารเร่งดอกลำไย และพืชอื่นๆ
ไทโอยูเรีย เป็นสารอินทรีย์ที่มีกำมะถันชนิดหนึ่ง โครงสร้างคล้ายกับยูเรีย ยกเว้นออกซิเจนอะตอมหนึ่งของยูเรียถูกแทนที่ด้วยกำมะถัน การออกฤทธิ์ของสารทั้งสองต่างกันมาก โดยจะใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมี มักจะหมายถึงกลุ่มของสารเคมีที่มีโครงสร้างทั่วไปเป็น ( R1R2N)(R3R4N )C=S ไทโอยูเรียมีความเกี่ยวข้องกับไทโอเอมีนเมื่อ เช่น RC(S)NR2 เมื่อ R เป็นหมู่เมทิล หมู่เอทิล
การใช้ประโยชน์ในทางการเกษตรไทโอยูเรียจัดเป็นสารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการงอกของเมล็ดและเป็นสารเร่งดอก และการแตกตาอ่อนเช่นเมื่อแช่ในในจะกระตุ้นการงอกของเมล็ดมะเขือเปราะและเมื่อยดูกการฉีดพ่นสารละลายทางใบช่วยให้ส้มโอออกดอกได้มากขึ้นและกระตุ้นการแตกตาในเงาะโรงเรียน ใช้เป็นส่วนผสมโซเดียมคลอเรต ทำเป็นสารเร่งดอกลำไย
อัตราการใช้ไทโอยูเรีย
1) มะม่วง: กระตุ้นการแตกใบอ่อน: 80-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทั่วทรงพุ่มเมื่อใบแก่
2) มะม่วง: เร่งการออกดอกมะม่วง: 80-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทั่วทรงพุ่มเมื่อสังเกตุพบตาดอก
3) ทุเรียน: เร่งการออกดอกทุเรียน: 20-30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเฉพาะที่กิ่ง เมื่อเริ่มสังเกตุพบตาดอก
4) มังคุด: กระตุ้นการแตกใบอ่อนมังคุด: 40-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทั้งต้นเมื่อใบคู่สุดท้ายมีอายุมากกว่า 11 สัปดาห์
ไทโอยูเรียกับทุเรียน
ต้นทุเรียนมีสภาพความพร้อมไม่ดีพอในขณะที่สภาพแวดล้อมเหมาะสม หรือต้นทุเรียนมีสภาพความพร้อมดีมาก แต่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีความเหมาะสมน้อย ต้นทุเรียนก็จะออกดอกในปริมาณน้อย จำเป็นต้องใช้ เร่งการออกดอกทุเรียน
วิธีการกระตุ้นการออกดอกของทุเรียน ว่าเราจะทำอย่างไรควรฉีดพ่นการเปิดตาดอกทุเรียนตรงไหน ถึงจะถูกวิธีดำเนินการกระตุ้นการออกดอกทุเรียน ตามแนวทางดังนี้
- ฉีดพ่นด้วยความเข้มข้น 1500 ppm ( 30 กรัม/น้ำ20 ลิตร) ฉีดพ่นที่ใต้บริเวณท้องกิ่ง ตรงกลุ่มดอกอ่อนระยะไข่ปลา ระวังอย่าให้ถูกใบจะทำให้ใบไหม้
- กรณีไข่ปลาชะงัก เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกัน3 วันหรือฝนตกหนัก มากกว่า35 มิลลิเมตร/วันทำให้ดอกอ่อนไข่ปลาหยุดชะงักแก้ไขโดยฉีดพ่นด้วยเข้มข้น1500 ppm ( 30 กรัม/น้ำ20 ลิตร) ผสมสาหร่ายสกัด 30 มิลลิลิตร ผสมNAA เข้มข้น12.5 ppm
ไทโอยูเรียกับมะม่วง
( คัดลอกบทความบางส่วนของผศ.ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาทคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยนเรศวร )ผศ.ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาท ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองนอกฤดูถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรชาวสวนมะม่วงทั่วประเทศ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวมีขั้นตอนการผลิตดังต่อไปนี้ คือ
1. ตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและควบคุมความสูงของต้นมะม่วงไว้ที่ 2.5 ถึง 3 เมตร
2. เร่งการแตกใบอ่อนมะม่วง ให้แตกพร้อมกันทั้งต้น โดยการใช้สารไทโอยูเรีย อัตรา 2.5 กิโลกรัมหรือโพแทสเซียมไนเตรต อัตรา 12.5 กิโลกรัม และสาหร่ายสกัดอัตรา 1.5 ลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วลำต้น
3. ภายหลังจากพ่นสาร ไทโอยูเรีย หรือโพแทสเซียมไนเตรต ประมวณ 1 สัปดาห์มะม่วงจะเริ่มแตกตา จากนั้นฉีดพ่นด้วยปุ๋ยทางใบ 30-20-10 อัตรา 3-4 กิโลกรัม และสาหร่ายสกัด อัตรา 1.5. ลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร ทุกๆ 7 วัน
4. ภายหลังการแตกใบอ่อนได้ประมาณ 1 เดือน มะม่วงจะพัฒนาเข้าสู่ระยะเพสลาด ใช้สารแพคโคลบิวทราโซลละลายน้ำเล็กน้อยอัตรา 10 กรัม ต่อเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 1 เมตร ( ปริมาณสารออกฤทธิ์ 10% ราดบริเวณรอบๆโคนต้น )
5. ช่วงสะสมอาหาร ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ 0-52-34 อัตรา 5 กิโลกรัม และแคลเซียม -โบรอน อัตรา 1.5 ลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร( แคลเซียมความข้มข้น 22.5%) และโบรอน ความเข้มข้น 0.03%)
6. ภายหลังการราดสารแพคโคลบิวทราโซล ประมาณ 2 เดือน ใบแก่จัดมียอดนูนเห็นได้ชัด เป็นระยะที่เหมาะกับการบังคับให้ออกดอก(การดึงดอก) หรือเมื่อใช้มือกำใบมะม่วงแล้วคลายออกจะเห็นเส้นสีขาวปรากฏขึ้น
7. การฉีดพ่นไทโอยูเรีย หรือโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อบังคับการออกดอก โดยการใช้สารไทโอยูเรีย อัตรา 2.5 กิโลกรัม หรือโพแทสเซียมไนเตรต 12.5 กิโลกรัม และสาหร่ายสกัด อัตรา 1.5 ลิตรต่อน้ำ 1000 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วลำต้น
8. ระยะเดือยไก่ ภายหลังจากการฉีดพ่นสารไทโอยูเรีย หรือโพแทสเซียมไนเตรต ประมาณ 8-12 วัน – ควรฉีดพ่นสาร NAA ความเข้มข้น 4.5% อัตรา 500 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร เพื่อเพิ่มให้ดอกสมบูรณ์เพศ – ฉีดพ่น แคลเซียม -โบรอน อัตรา 1.5 ลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร ( แคลเซียม ความเข้มข้น 22.5% และโบรอน ความเข้มข้น 0.75%) – ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยทางใบ 10-52-17 อัตรา 3 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1000 ลิตร – ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและเชื้อราชนิดดูดซึม
9. ระยะก้างปลา ควรฉีดพ่น ดังนี้ – ฉีดพ่นแคลเซียม - โบรอน อัตรา 1.5 ลิตร ต่อน้ำ 1000 ลิตร ( แคลเซียม ความเข้มข้น 22.5% และโบรอน ความเข้มข้น 0.75%) – ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยทางใบ 10-52-17 อัตรา 3 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1000 ลิตร – ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแมล และเชื้อราชนิดดูดซึม
10. ระยะดอกบาน หากพบการแพร่ระบาดเพลี้ยไฟ ควรฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงชนิดดูดซึม ไม่ควรฉีดพ่นแคลเซียม -โบรอน เพราะจะทำให้เกิดดอกพลาสติกและลูกกะเทย ( ผลที่ไม่ได้รับการผสมเกสร )
11. มะม่วงจะอยู่ในระยะดอกบาน ควรงดการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแมลง และใช้แมลงวันช่วยผสมเกสร โดยมีปลาสดเป็นเหยื่อล่อ
12. ภายหลังดอกบาน ประมาณ 60-67 วัน หรือขนาดเท่าไข่ไก่ ควรฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชและแมลงชนิดดูดซึม จากนั้นห่อผลด้ว กระดาษคาร์บอนชนิดบาง และปิดปากถุงให้สนิท พร้อมทำสัญลักษณ์ เพื่อให้ทราบวันที่ห่อผลและสามารถเก็บผลมะม่วงได้ตามความแก่ที่เหมาะสม
#ไทโอยูเรีย #สารเร่งดอกมะม่วง #สารเร่งดอกลำไย #สารเร่งดอกทุเรียน #สารเร่งดอกมะนาว #สารเร่งดอกส้ม